สถานที่สำคัญในตำบล
วัดทรายมูล (สันกำแพงชวนเที่ยว ศาสนสถานในเขตเทศบาลตำบลสันกำแพง)
- 11 สิงหาคม 2566
- อ่าน 46 ครั้ง

วัดทรายมูล
อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นวัดราษฎร์มหานิกาย ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๒๔๖ แต่เดิมชื่อว่า
วัดสันก้างปลาเพราะเรียกชื่อตามหมู่บ้าน
ซึ่งแต่เดิมนั้นเป็นป่าไม้ก้างปลี่เกิดขึ้นที่ดอนทราย ที่น้ำแม่ออนพัดพามา
ชาวบ้านในสมัยนั้นช่วยกันแผ่วถ้างสร้างโรงกระต๊อบมุงด้วยใบจาก
ใช้เป็นโรงปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์และศรัทธาทายกทายิกาศรัทธาที่อุปถัมภ์วัด
วัดทรายมูล แต่เดิมมีการบออกเล่าสืบต่อกันมา
และอ้างประวัติศาสตร์ของเมืองเชียงใหม่ว่าสร้างขึ้นเมื่อสมัยเมืองเชียงใหม่ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าสมัยพระเจ้าตะเบงชะเวตี้ลิ้นคำ
ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๑๐๑ ถึง พ.ศ. ๒๓๑๗ เป็นเวลา ๒๑๖ ปี
มีพระยาสุรวะฤชัยสงคราม(หนานติ๊บช้าง) กู้เอกราชพร้อมกับพระเจ้าตากสิน
ช่วยกันกอบกู้เมืองเชียงใหม่ ปี พ.ศ. ๒๓๑๙
ในสมัยนั้นเชียงใหม่ยังตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าอยู่
ในสมัยที่เจ้าแรนร่าเป็นเจ้าเมืองเชียงใหม่องค์ที่ ๑๑
ซึ่งเป็นคนพม่าและมีเจ้าเมืองสืบต่อมาอีก ๖ องค์ โดยได้ยึดคืนได้ต่อมาในปี พ.ศ.
๒๓๔๑ พระยากาวิละได้รวบรวมคนจากเมืองต่างๆ
เหล่านั้นไว้เมืองเชียงใหม่หลังจากที่พม่าพ่ายแพ้แล้ว เมืองเชียงใหม่ตกเป็นเมืองร้างไม่มีผู้คนอาศัยอยู่
โดยไปต้อนผู้คนจากเมืองปุ เมืองสาดเมืองแจด เมืองกึ่ง เมืองกุน
มารวมเมืองเชียงใหม่ ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๔๒ ไปตีเอาชาวเมือง
(ต้อนเอาผู้คน)ในรัฐฉานมาไว้ที่วัวลาย นันตาสี่เหลี่ยม บ้านสะต่อย สร้อยไร่
ท่าร้างบ้านนา ทุ่งอ้อ และไปตีเอาเมืองเชียงตุง เมืองเชียงรุ้ง แคว้นต่างๆ
ในสิบสองปันนามาถึงหัวเมืองบนถึงฝั่งแม่น้ำสาละวิน
โดยเฉพาะเขตน้ำหนังดินล้านนามาก่อนรวม ๕๗
หัวเมืองชาวทรายมูลแต่เดิมนั้นเป็นชาวไตเขินที่ถูกกวาดต้อนมาพร้อมกับชาวเชินบ้านสันก้างปลาบ้านมอญ
บ้านสันกลางเหนือ และอีกหลายแห่งที่พลัดถิ่นอยู่กันคนละอำเภอ
แต่ได้รับอิทธิพลในสมัยนั้น คือการอยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อน
และมีวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ เช่น วัฒนธรรมการพูด การทำอาหาร
การแต่งกายการก่อสร้างบ้านเรือน และประเพณีพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา เป็นต้น